ยูนิลูมินเผย 4 ผลิตภัณฑ์คว้ารางวัลไอเอฟด้านการออกแบบของเยอรมนี

ยูนิลูไม่น กลุ่ม (Unilumin Group) เปิดเผยสินค้าซีรีส์ XS, LRS, UHP แล้วก็ UpanelS ซึ่งบริษัทเป็นผู้ออกแบบ ได้รับรางวัลไอเอฟ (iF) จากผลงานที่ส่งเข้าแข่งขันกว่า 11,000 รายการทั้งโลก 

ยูนิลูมินเผย 4 ผลิตภัณฑ์คว้ารางวัลไอเอฟด้านการออกแบบของเยอรมนี

ข่าว นำมาซึ่งการทำให้ยูนิลูไม่เป็นหน่วยงานที่เดียวในอุตสาหกรรมLEDที่มีผลิตภัณฑ์ซึ่งสามารถเอารางวัลชั้นหนึ่งระดับสากลมาได้ถึง รายการ
รางวัลไอเอฟเป็นรางวัลของเยอรมนี จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2496 และก็ได้รับการยินยอมรับเป็นรางวัลด้านการออกแบบที่มีเกียรติเป็นอันดับแรกๆของโลก จนได้รับการตั้งชื่อว่าเป็นรางวัลออสการ์ที่แวดวงดีไซน์ กล่องLEDซีรีส์ XS ของยูนิลูไม่นมีเฟืองปรับมุม ตัว ตอนโค้งกว้างพิเศษบวกลบ 40 องศา เพื่อได้รูปทรงตัว “S” ทำให้จอมีความลื่นไถลไหลกระทั่งสร้างทรงที่ประดิษฐ์ได้หลายต้นแบบ ดีไซน์เนอร์ของยูนิลูไม่ได้สร้างสินค้าซึ่งสามารถชูได้ โดยเห็นว่าจะต้องดึงซ้ายและก็ขวาขณะจัดตั้ง ก็เลยได้ดีไซน์ส่วนประกอบสามเหลี่ยมที่จะตอบสนองความอยากได้เชิงกล นอกจากนั้น ล็อคส่วนโค้งของสินค้าทั้งคู่ด้านช่วยทำให้ปรับส่วนโค้งของจอได้ ซึ่งเมื่อประสานรวมกับวางแบบปุ่มกดเพื่อรักษาแล้ว ก็ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ลึกล้ำแต่ว่าใช้งานง่าย สินค้าซีรีส์ LRS พอดีอีกทั้งในทางเงินลงทุนและก็การออกแบบ โดยนำการออกแบบโมมองลาร์มาใช้กับสินค้าเพื่อรวมแหล่งพลังงาน การ์ดรับสัญญาณ แล้วก็การ์ด HUB กับกล่องจ่ายกระแสไฟ เพื่อทะนุบำรุงกล่องจ่ายไฟฟ้าได้อย่างมีคุณภาพและก็สบายง่ายมาก ข่าวธุรกิจ ทั้งดีไซน์ด้านล่างของกล่องให้โค้งมน เพื่อใช้งานได้ง่ายแล้วก็สามารถควบคุมเงินลงทุน สินค้าซีรีส์ UHP มีรูปลักษณ์ที่เรียบง่ายแล้วก็สง่างาม ใช้สีสันและก็สิ่งของที่ตัดกัน ทั้งนำเทคโนโลยีพ่นสีกลบแบบสองสีมาใช้กับฝาข้างหลังของกล่อง เพื่อเห็นผลลัพธ์ที่ต่างกัน โดยแอบซ่อนด้ามจับ วางแบบฝาข้างหลังให้ถอดออกได้ เพื่อช่วยทำให้ลูกค้าได้รับความสบายสบายสำหรับในการจัดตั้งข้างหลังรักษา ส่วนสินค้าซีรีส์ UpanelS ซึ่งได้รับรางวัลเจแปน กู้ด วางแบบ อวอร์ด (Japan Good Design Award) เรด ดอท อวอร์ด (Red Dot Award) และก็ไอเอฟ ออกแบบ อวอร์ด (iF Design Award) บ่อยครั้งนั้น สะท้อนให้มองเห็นความเป็นยอดสำหรับในการดีไซน์สินค้าระดับไฮเอนด์ของยูนิลูไม่น อีกทั้งนำการออกแบบผิวพับรวมทั้งแนวพับหลายด้านมาใช้กับทั้งยังสินค้าด้วย

แนะนำข่าวธุรกิจ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย :  ซีอาร์ซีสปอร์ต ประสานมือ หงส์แดง ยาวอีก5ปี รุกตลาดเสื้อผ้าวัสดุอุปกรณ์กีฬาไทย

ซีอาร์ซีสปอร์ต ประสานมือ หงส์แดง ยาวอีก5ปี รุกตลาดเสื้อผ้าวัสดุอุปกรณ์กีฬาไทย

ตลาดเครื่องมือกีฬาไทยมาแรง ซีอาร์ซี สปอร์ต‘ เครือ เซ็นทรัล รีเทล เดินหน้าร่วมมือ สมาคมกีฬาสุดยอด หงส์แดง‘ เป็นผู้ส่งเสริมยาวอีก ปี เอาอกเอาใจแฟนคลับลิเวอร์พูล ทั่วไทย

ซีอาร์ซีสปอร์ต จับมือ ลิเวอร์พูล ยาวอีก5ปี

ข่าว ส่องตลาดเสื้อผ้าและก็เครื่องมือกีฬาของไทยมีมูลค่ามากยิ่งกว่า หมื่นล้านบาท มีลักษณะท่าทางที่โตตลอด แรงหนุนสำคัญจากการบริหารร่างกายของคนประเทศไทยที่มีมากขึ้นข้างหลังวัววิดผ่าน ซีอาร์ซี สปอร์ต” รีบวางกลอุบายรุกตลาดไทย นายเล็กซองด์ อัมเบล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี อาร์ ซี สปอร์ต จำกัด ในเครือ เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น บอกว่า บริษัทจะเอาจริงเอาจังยุทธวิธีสำหรับในการนำสิ่งที่ดีสุดของโลกมานำเสนอสู่ลูกค้าชาวไทย ทำให้ได้ร่วมมือกับ สมาคมบอลระดับนานาชาติ หงส์แดง (THE LIVERPOOL FOOTBALL CLUB) จากอังกฤษ มาตั้งแต่ปี 2558 โดยเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์รวมทั้งขายสินค้าแบรนด์หงส์แดง เอฟซี รวมทั้งเป็นผู้แทนร้านขายปลีกหงส์แดง เอฟซี อย่างเป็นทางการในไทย ทำให้ในขณะนี้บริษัทได้ประกาศความร่วมแรงร่วมใจกับชมรมบอลหงส์แดงไปอีก ปี โดยร่วมเป็นผู้สนับสนุนทางด้านการค้าปลีกรวมทั้งการออกใบอนุมัติอย่างเป็นทางการของสมาคมบอลหงส์แดงในไทย ถือว่าเป็นการต่อสัญญารอบลำดับที่สาม ดังนี้การร่วมแรงกับสมาคมหงส์แดงเป็นระยะเวลา ปีที่ล่วงเลยไป ได้รับผลของการตอบรับที่ดีจากกรุ๊ปลูกค้าชาวไทย จากเหตุอีกทั้ง สมาคมหงส์แดงมีความจำเป็นในบอลโลก ข่าวธุรกิจ และก็เป็นสมาคมบอลเมืองนอกที่คนประเทศไทยพอใจเยอะที่สุด ไมค์ ค็อกซ์ รองประธานอาวุโสข้างสินค้าแล้วก็กิจการค้าปลีกของสมาพันธ์บอลหงส์แดง พูดว่า ตั้งแต่ หงส์แดง ได้ร่วมมือกับ ซีอาร์ซี สปอร์ต รุกตลาดในไทย ได้รับผลตอบรับที่ดีอย่างมาตลอด รวมทั้งมีการเติบโตอย่างยิ่งโดยยิ่งไปกว่านั้นในตอนการต่อสัญญาสองยุคแรก ซีอาร์ซี วางยุทธวิธีจะขยายตลาดร้านขายปลีกของ สมาพันธ์ลิเลอร์พูทั้งยังในหนทางออนไลน์และก็ออฟไลน์ รองรับตลาดที่กำลังเติบโต โดยในขณะนี้ มีร้านค้าย่อยแบบแตนด์อโลนปริมาณ ร้านรวง รวมทั้งการเปิดร้านป๊อปอัป สโตร์ไปในพื้นที่ต่างๆโดยตลอด

แนะนำข่าวธุรกิจ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : นันยาง” โฟกัสวัยประถมชิงส่วนแบ่งรองเท้านักเรียน 5 พันล้าน

นันยาง” โฟกัสวัยประถมชิงส่วนแบ่งรองเท้านักเรียน 5 พันล้าน

นันยางทุ่ม 70 ล้านบาท หนุนรองเท้าผู้เรียนไซซ์เล็ก หวังชิงฐานนักเรียนชั้นประถม ข้างหลังตลาดรองเท้าเด็กนักเรียน พันล้านบาท ลุ้นโตหนแรกในรอบ ปี 

นันยาง โฟกัสวัยประถมชิงส่วนแบ่งรองเท้านักเรียน 5 พันล้าน

ข่าว ด้วยสัญญาณบวกตั้งแต่ก่อนวันสงกรานต์ ย้ำไม่มีแผนปรับราคาสูงขึ้น พร้อมวางเป้าโต 8-10% ดร.จักรพล จันทวิมล กรรมการผู้จัดการ บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด บอกว่า ตลาดรองเท้าเด็กนักเรียนปี 2566 นี้มีลัษณะทิศทางดีมากยิ่งกว่าตอน ปีให้หลัง โดยคาดว่าตลาดค่า พันล้านบาทจะเติบโต 3-5% เป็นการโตหนแรกในรอบ ปี เนื่องจากว่าเหตุการณ์วัววิด-19 คลี่คลายทำให้กลับมาเปิดเทอมแล้วก็เรียนออนไซต์ที่สถานศึกษาตามเดิม รวมทั้งฟื้นของการท่องเที่ยวจำนวนเงินอัดฉีดจากภาครัฐ ทำให้ตอนเปิดเทอมพ.ค.ที่จะถึงนี้ตลาดกลับมามีชีวิตชีวาอีกที ตลาดรองเท้าเด็กนักเรียนยังคงชิงชัยดุดันในทุกเซ็กเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าผ้าใบแบบผูกเชือกที่เป็นสัดส่วนมาก 60% ของตลาด รองเท้า PVC สำหรับนักเรียนผู้หญิงที่มีรูปร่าง 35% หรือรองเท้าอื่นๆอย่างรองเท้าหนัง โดยมีผู้เล่นสูงถึง 10-15 รายสำหรับแนวทางของบริษัทในปี 2566 นี้ จะมุ่งเพิ่มฐานลูกค้าในกรุ๊ปรองเท้าไซซ์เล็ก สำหรับเด็กนักเรียนระดับประถมศึกษาเพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดเพิ่ม พร้อมทั้งส่งเสริมยอดจำหน่ายให้โต 8-10% จากยอดจำหน่าย 1,300 ล้านบาทเมื่อปี 2565 แล้วก็การเจริญเติบโตเฉลี่ย 2% ต่อปี เหมือนกับการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ข่าวธุรกิจ ข้างหลังก่อนหน้านี้ที่ผ่านมารองเท้าไซซ์ใหญ่ของบริษัทสามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มอย่างสม่ำเสมอ จนถึงบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดรองเท้าผู้เรียนราว 43-44% ตามแผนนี้จะมีรองเท้าผ้าใบผู้เรียนรุ่นนันยาง Have Fun ที่มีจุดแข็งค่อย นุ่ม สบาย ไม่ต้องผูกเชือก ลดการสัมผัสเชื้อโรค ซึ่งได้รับการตอบกลับจากผู้ดูแลและก็กรุ๊ปผู้เรียนระดับประถมศึกษาทั้งประเทศ เป็นเลิศในผลิตภัณฑ์ไฮไลต์ ข้างหลังยอดจำหน่ายเติบโตสม่ำเสมอ แล้วก็มีส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้นทุกปี เวลาเดียวกัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง ย้ำว่ายังไม่มีแผนปรับราคาเพิ่มขึ้นผลิตภัณฑ์ โดยอาศัยบริหารจัดแจงทุน ดังเช่น นำเครื่องจักรเข้ามาชดเชยเสริมคุณภาพของบุคลากรที่มีราวๆ พันคน ซึ่งมีกำลังในการผลิตรวม 10 ล้านคู่ต่อปี เพื่อช่วยต่อกรเงินลงทุนค่าแรงงาน ทำให้ราคาของผลิตภัณฑ์ต่างๆยังคงเดิม ไม่ว่าจะเป็นนันยางพื้นเขียว 205s รุ่นคลาสสิก ราคาเริ่ม 320 บาท นันยาง Have Fun รองเท้าเด็กอายุ 4-10 ขวบ ราคาเริ่ม 299 บาท รุ่นซูเปอร์สตาร์ 199 บาท รวมทั้งนันยาง Zafari สำหรับเด็กโตราคา 299 บาท

แนะนำข่าวธุรกิจ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : บุญรอด’ ท้าชิงเหล้านอก ปั้นแบรนด์ ‘ซิลเวอร์ ไนท์’ สก๊อตช์วิสกี้ เจาะนักดื่ม

บุญรอด’ ท้าชิงเหล้านอก ปั้นแบรนด์ ‘ซิลเวอร์ ไนท์’ สก๊อตช์วิสกี้ เจาะนักดื่ม

คนใหม่ในตลาดสุรานอก แต่ว่าดั้งเดิมแล้วก็เก๋าเกมในตลาดเบียร์สด บุญรอด” หรือค่ายราชสีห์ เริ่มรบใหญ่ชิงคอทองแดง ปั้นแบรนด์ ซิลเวอร์ไนท์” สก๊อตช์วิสกี้ โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นระเบียบ จับตาบิ๊กแบรนด์รับน้องเช่นไร

'บุญรอด' ท้าชิงเหล้านอก ปั้นแบรนด์

ข่าว ตลาดสุรามีผู้ท้าแข่งคนใหม่ แต่ว่าเป็นยักษ์ใหญ่ชำนาญในตลาดเบียร์สดมายาวนานรวมทั้งครองบัลลังก์เบอร์ 1 โดยสินค้าดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว เริ่มสร้างการรับทราบสู่ตลาดคนประเทศไทยเมื่อ มี.ค.ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา แล้วก็มีการทำกิจกรรมผ่านวิถีทางขาย On-Premise ผับ บาร์ สถานเริงรมย์ชั้นหนึ่งของประเทศไทยตอนเมษายน ปัจจุบัน มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ปาร์คนายยอดเยี่ยม โดยมีประธานบุญรอด ซึ่งนำกลุ่มโดยแม่ทัพใหญ่ ปัญญาต ภิรมย์จงรักภักดี” กรรมการผู้จัดการใหญ่ และนักแสดงดัง แขกร่วมงานกันอย่างแออั บุญรอดริวเวอปรี่ เคลื่อนธุรกิจ สร้างอาณาจักรเติบโตมา 90 ปี สินค้าหลัก เบียร์สด” ทำเงินให้ระดับ แสนล้านบาท” ยาวนานหลายปีที่บริษัทขยายพอร์ตโฟลิโอให้กว้าง ข่าวธุรกิจ นานาประการ กระจัดกระจายการเสี่ยง พร้อมต่อตัวต่อใหม่ๆเพื่อเพิ่มเติม ทั้งยังเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ขนมกินเล่น(สแน็ค)สาหร่าย อสังหาริมทรัพย์ ของกิน ฯลฯ บุญรอด‘ ท้าทายชิงสุรานอก ปั้นแบรนด์ ซิลเวอร์ ไนท์’ สก๊อตช์วิสกี้ เจาะคนชอบดื่มแต่ การบุกตลาดสุรานอก สก๊อตช์วิสกี้” นับว่าเป็นสนามรบใหม่ ที่ไม่เพียงแต่แข่งขันกับแบรนด์ดังระดับนานาชาติทั้งยังทางตรงแล้วก็ทางอ้อม ตัวอย่างเช่น จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แจ็ค แดเนียล ชีวีรีกัล เดวาร์ ฯ แต่ว่าจะต้องประมือกับแบรนด์ไทยด้วย แน่ๆหนึ่งใน คู่ต่อย” ชั่วนิจนิรันดร์หมายถึงไทยเบฟเวอเรจ” ของเชื้อสาย สิริวัฒนซื่อสัตย์ภักดี” ที่มีแบรนด์ อาทิเช่น ดรัมเมอร์ คราวน์ 99 ฯลฯ นอกนั้น กรุ๊ปบริษัท หนเอพี” ผู้ครอบครองแบรนด์เบียร์สดระดับนานาชาติ ไฮเนเก้น” ก็ตระเตรียมจะความเซอร์ไพรส์ให้ผู้ใช้ในปีนี้ และก็ปัจจุบัน ราชสีห์” เดินเกมเขย่าตลาดสุรานอกสก๊อตช์วิสกี้ ซึ่งแม้มองชื่อชั้นของทุกรายนับว่าเป็น ยักษ์ใหญ่” ทั้งหมดทั้งปวง รวมทั้งเว้นเสียแต่เงินลงทุนดก แบรนด์แข็ง ยุทธวิธี อาวุธตลาดบอกเลยว่ามีครบทำให้การฟาดฟันในสนามน้ำเมาร้อนกว่า 40 ดีกรีแน่นอน

แนะนำข่าวธุรกิจ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย :  ปัญหา ‘ท่องเที่ยว’ ท้ารัฐบาลใหม่ คิดแผนแม่บทชัด

ปัญหา ‘ท่องเที่ยว’ ท้ารัฐบาลใหม่ คิดแผนแม่บทชัด

นับถอยหลังสู่การเลือกตั้ง 2566 อีกไม่ถึง เดือนเพียงแค่นั้นใกล้ได้มองเห็นใบหน้าของ รัฐบาลใหม่‘ ภาคเอกชนท่องเที่ยวต่างประสานเสียงว่า… เป็นได้ไหม?ต้องการมองเห็นรัฐบาลใหม่ให้ความเอาใจใส่แก่ ภาคท่องเที่ยว‘ มากยิ่งกว่าเดิม!

โจทย์ 'ท่องเที่ยว' ท้าทายรัฐบาลใหม่ วางแผนแม่บทชัด

ข่าว ในฐานะเครื่องยนต์กลไกสำคัญเคลื่อนการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทย ข้างหลังระบมจากวิกฤติวัววิด-19 ทั้งยังจำต้องต่อกรกับต้นเหตุลบรวมทั้งความท้ารอบด้าน หวังกู้รูปทรงรายได้รวมทางการท่องเที่ยวต่อจีดีพี จากเมื่อปี 2562 เคยทำเป็น 18% สู่จุดหมาย 25% ของจีดีพีในปี 2570 “ส่วนสำคัญ” ของเศรษฐกิจไทย เนื่องจากว่าเป็นจุดเด่นของเมืองไทย รัฐบาลใหม่ควรต้องให้ความใส่ใจกับการวางที่มีความสำคัญในการรบขับภาคท่องเที่ยว ทั้งยังการให้ความสะดวกสบายแก่นักท่องเที่ยว อาทิเช่น เรื่องวีซ่า รวมทั้งการเชื่อมต่อจากภาคท่องเที่ยวไปยังกรุ๊ปฝรั่งที่เดินทางมาดำรงชีวิตในประเทศไทยแล้วก็อยู่ยาวขึ้น “รัฐบาลใหม่ต้องดูถึงองค์รวมการใช้ชีวิตของชาวต่างประเทศกลุ่มนี้ อีกทั้งเรื่องบริษัทต่างชาติที่จะเข้ามาตั้งขึ้น ข่าวธุรกิจ กรุ๊ปนักลงทุนที่จะเข้ามา และก็กรุ๊ปที่จะเข้ามาอยู่ยาวเยอะขึ้นเรื่อยๆ เพื่อสร้างการเจริญเติบโตสม่ำเสมอจากภาคการท่องเที่ยวไปจนกระทั่งการลงทุนในไทย เพราะว่าไลฟ์สไตล์การเดินทางท่องเที่ยวในตอนนี้ไม่ดังเดิม มันตลอดรวมทั้งเชื่อมโยงกันไปหมด ทั้งคนที่ต้องการมาท่องเที่ยว มาลงทุน แล้วก็มาอยู่ยาว มาดำรงชีวิตแล้วสามารถเอ็นหน้าจอยไลฟ์สไตล์ในประเทศไทยได้ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีตัวเชื่อมที่มาตอบปัญหาเทรนด์กลุ่มนี้” ประธานข้าราชการบริหาร โฮเต็ลและก็รีสอร์ตในเครือเซ็นทารา บอกว่า ภาคท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมหลักสร้างรายได้แก่เมืองไทย ก็เลยมุ่งหวังการเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ จะมองเห็นการขับเขยื้อนแนวทางด้านการท่องเที่ยวที่แจ่มชัดและก็สม่ำเสมอ ให้ครอบคลุมการเกื้อกูลผู้ประกอบธุรกิจเรื่อง “มาตรการควบคุมทุน” ดังเช่น ภาษีที่ดินแล้วก็สิ่งก่อสร้าง เพราะเหตุว่าเดี๋ยวนี้นักเดินทางฝรั่งยังไม่รู้สึกตัวกลับมาเต็มที่เสมือนปี 2562 รวมทั้ง “มาตรการกระตุ้นนักท่องเที่ยวต่างประเทศ” ทั้งยังกรุ๊ปท่องเที่ยว นายกสัมพันธ์บังกะโลไทย พูดว่า ขณะนี้เมืองไทยถูกจารึกบนแผนที่โลกในฐานะเมืองที่มีสถานที่สำหรับท่องเที่ยวมากมายเป็นจำนวนมากชั้นแนวหน้าระดับนานาชาติ! “จังหวัดกรุงเทพ” มีชื่อเสมือนนิวยอร์ก ลอนดอน กรุงปารีส รวมทั้งเมืองโตเกียว ก็เลยต้องการที่จะให้ภาคท่องเที่ยวเป็น

‘บลูทรี ภูเก็ต’ กลับมาเต็มรูปแบบ ลุยเป็น ‘ศูนย์รวมความบันเทิงครบวงจร’ ใจกลางภูเก็ต

หลังเปิดให้บริการในปี 2562 และต้องเจอกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาตลอดสองปีกว่า ล่าสุด ‘บลูทรี ภูเก็ต’ แหล่งท่องเที่ยวที่เป็น ‘ศูนย์รวมความบันเทิงครบวงจร’

ธุรกิจ เต็มรูปแบบได้กลับมาเปิดดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งแล้ว ‘สาโรจน์ เลิศพงษ์วรพันธ์’ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บลูทรี ภูเก็ต อธิบายว่า การกลับมาอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งของ ‘บลูทรี ภูเก็ต’ มาพร้อมกับสโลแกนใหม่อย่าง ‘Entertainment Hub, Thrill & Chill, Day & Night’ หรือ ศูนย์รวมความบันเทิงครบวงจรเต็มรูปแบบที่สามารถมอบทั้งความผ่อนคลายและความตื่นเต้น ตลอดกลางวันจรดกลางคืน บนพื้นที่ขนาด 140 ไร่ เพราะปัจจุบันนักท่องเที่ยวเน้นเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มเจน Z ที่ชอบทำกิจกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแนวผจญภัย ท้าทาย เทศกาล และคอนเสิร์ต ดังนั้น ‘บลูทรี ภูเก็ต’ จึงออกแบบมาตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของนักท่องเที่ยวด้วย 4 โซนหลักๆ อย่าง โซน Blue Tree Lagoon สระน้ำนวัตกรรมคริสตัลลากูน ใช้คลอรีนน้อย ประหยัดพลังงานมากกว่าระบบปกติ 98% ประกอบด้วยกิจกรรมโดดหน้าผา ซิปไลน์ แพดเดิลบอร์ด เวคบอร์ด สกู๊ตเตอร์ใต้น้ำ สไลเดอร์ต่างๆ รวมถึงซุปเปอร์ ฟลาย (Superfly) ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย โชว์กระโดดน้ำจากหอสูง (High Dive) ระบำใต้น้ำ (Synchronized Swimming) และฟลายบอร์ดจากแชมป์ระดับโลก โซน Forest พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ประกอบด้วยกิจกรรมสันทนาการต่างๆ อย่างเส้นทางปั่นจักรยานเสือภูเขา สนามเซิร์ฟสเก็ต และลานสเก็ตบอร์ด จุดตั้งแคมป์สำหรับเด็ก เส้นทางผจญภัยในป่า และด่านสิ่งกีดขวางต่างๆ เพื่อการออกกำลังกายและสามารถใช้เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมขนาดใหญ่ โซน Arena พื้นที่สำหรับจัดงานปาร์ตี้ งานคอนเสิร์ต และกิจกรรมต่างๆ รวมถึงการพักผ่อนหย่อนใจ

‘บลูทรี ภูเก็ต’ กลับมาเต็มรูปแบบ ลุยเป็น ‘ศูนย์รวมความบันเทิงครบวงจร’ ใจกลางภูเก็ต

โซน Lifestyle Village ประกอบด้วยร้านค้าและร้านบริการต่างๆ อาทิ ฟิตเนส โยคะ เสริมความงาม ร้านเสื้อผ้า และร้านอาหาร เป็นต้น รวมถึง Kids Planet พื้นที่ดูแลเด็กๆ

พร้อมพี่เลี้ยงตลอดวัน นอกจากนั้น ยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์คือ ‘Blue Tree Beach Club’ ข่าวธุรกิจ แลนด์มาร์กแห่งใหม่ใจกลางบลูทรี ดีไซน์ทรอปิคอลที่สวยงามตกแต่งด้วยไม้ไผ่ขนาดต่างๆ บ่งบอกถึงความเป็นดินแดนเขตร้อนชื้น แบ่งเป็น 3 ชั้น บริเวณ ชั้น 1 เป็นส่วนของบีชคลับ ชั้น 2 เป็นส่วนของร้านอาหาร และชั้น 3 เป็นพื้นที่ Private สำหรับจัดงาน ปัจจุบัน ลูกค้าส่วนใหญ่ของ ‘บลูทรี ภูเก็ต’ เป็นลูกค้าชาวต่างชาติที่มีจำนวนมากกว่าครึ่งของทั้งหมด โดยนักท่องเที่ยวที่มากเป็นอันดับหนึ่งคือชาวรัสเซีย แต่ความตั้งในของ ‘บลูทรี ภูเก็ต’ ในปีนี้คือ สร้างการรับรู้ในหมู่ลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติมากขึ้น แผนของปี 2566 ‘บลูทรี ภูเก็ต’ จึงเตรียมจะมี Big Event และเทศกาลต่างๆ ตลอดปี อาทิ Picnic in the Park, Wansao Market, Havana Night, Wet n’ Wild และ Blue Tree Beach Club ภายใต้คอนเซปต์ Sandtastic Friday Night รวมถึงยังเป็นหมุดหมายสันทนาการทางด้านกีฬาที่โดดเด่น มีกิจกรรมความสนุกและการแข่งขันกีฬาต่างๆ ตลอดทั้งปี อาทิ สนาม Padel Tennis ที่ใหญ่ที่สุดใน Southeast Asia และสามารถใช้เป็นสนามจัดการแข่งขันระดับสากลได้ หรือไม่ว่าจะเป็นงานแข่งขัน Spartan Apac Championship รายการที่วัดสมรรถนะตัวเองที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก เป็นต้น “เราเชื่อมั่นว่า บลูทรี ภูเก็ต จะเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวแห่งเมืองภูเก็ต ที่ช่วยเสริมไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวสู่ระดับโลกได้ ด้วยความเป็น Entertainment Hub ที่ครบครัน พร้อมการันตีด้านความสะอาด ปลอดภัย อีกทั้ง ในปี 2565 ที่ผ่านมาภูเก็ตเป็นจังหวัดที่ทำรายได้สูงสุดสร้างเม็ดเงินจำนวน 1.2 แสนล้านบาท และมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเยือนเยอะที่สุดถึง 2.3 ล้านคน” สาโรจน์ กล่าว

แนะนำข่าวธุรกิจ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : ร้านถูกดีฯเปิดเกมรุกรอบใหม่ เพิ่มบริการ‘รับส่งพัสดุ-ATM” เป้า 3 ปีทะลุหมื่น

ร้านถูกดีฯเปิดเกมรุกรอบใหม่ เพิ่มบริการ‘รับส่งพัสดุ-ATM” เป้า 3 ปีทะลุหมื่น

“ทีดี ตะวันแดง” กางแผนขยายเครือข่ายร้านถูกดีฯ ประกาศเป้า 1.2 หมื่น แห่งภายใน 3 ปี จับมือพันธมิตรบริการใหม่ “รับส่งพัสดุ-เอทีเอ็ม”

ธุรกิจ ย้ำโมเดลธุรกิจ มุ่งแก้ปัญหาเงินทุนรายย่อย-โชห่วย บริษัทช่วยลงทุนสินค้า-อุปกรณ์ ส่วนเจ้าของร้านลงทุนเงินปรับปรุงร้าน-เงินค้ำประกันสัญญา 2 แสนนายเสถียร เสถียรธรรมะ ประธานกรรมการ บริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด เปิดเผยถึงแผนการขยายเครือข่ายร้าน “ถูกดีมีมาตรฐาน” สำหรับปี 2566 นี้ว่า บริษัทตั้งเป้าจะขยายร้านค้าเครือข่ายร้านในโครงการ “ถูกดี มีมาตรฐาน” ไว้ที่ประมาณ 8,000 ร้าน จากปัจจุบันที่มีร้านโชห่วยเข้าร่วมเป็นเครือข่ายแล้วประมาณ 5,000 ร้านทั่วประเทศ และปีถัดไปตั้งเป้าว่าจะมีร้านในเครือข่ายเพิ่มเป็นประมาณ 12,000 ร้านค้า และถ้าจำนวนร้านค้าในโครงการเพิ่มขึ้นไปถึงประมาณ 20,000 ร้านค้า น่าจะอยู่ในจุดที่ครอบคลุมภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลางแล้ว ส่วนภาคใต้บริษัทยังไม่ได้มีการสำรวจเท่าที่ควร นายเสถียรยังระบุด้วยว่า โดยส่วนตัวไม่ได้กังวลหรือกลัวเรื่องการแข่งขันที่จะมีผู้ประกอบการรายอื่น ๆ กระโดดเข้ามาในตลาดนี้ โดยตอนนี้มีร้านโชห่วยที่สนใจและยื่นใบสมัครเข้ามาให้พิจารณาวันละประมาณ 500 ร้านค้า ซึ่งในจำนวนนี้ก็จะมีประเภทที่ว่า เห็นคนอื่นเปิดก็อยากจะเปิดประมาณครึ่งหนึ่ง แต่หลังจากที่มีการพิจารณาในรายละเอียด และมีการลงไปดูพื้นที่แล้วพบว่าไม่สามารถจะเปิดได้ เพราะร้านเปิดอยู่ใกล้ ๆ กัน ห่างกันไม่มาก “ในแง่หลักการบริษัทจะต้องดูว่า ร้านนั้น ๆ อยู่ในชุมชน หรือมีกำลังซื้อหรือไม่ คือ มีจำนวนครัวเรือนมากน้อยเพียงใด อีกอย่างก็คือ ความตั้งใจจริงของเจ้าของร้าน ขณะเดียวกันก็ต้องมีเงินทุนลงทุนหรือเงินหมุนเวียนในระดับหนึ่ง การเลือกพาร์ตเนอร์ในแต่ละพื้นที่ จะระมัดระวังเรื่องของทำเลที่ตั้งร้านเป็นสำคัญ เพราะถ้าอยู่ในชุมชนหรือในย่านเดียวกัน ก็อาจจะทำให้มีการแย่งลูกค้ากันได้ ถ้าเลือกเปิดก็อาจจะเป็นคนละชุมชนไปเลย ถ้าเปิดติดกัน หรือใกล้ ๆ กันก็จะไม่เปิด”

ร้านถูกดีฯเปิดเกมรุกรอบใหม่ เพิ่มบริการ‘รับส่งพัสดุ-ATM” เป้า 3 ปีทะลุหมื่น

เพิ่มบริการรับส่งพัสดุ-เอทีเอ็ม นายเสถียรกล่าวต่อไปว่า นอกจากเรื่องของสินค้าอุปโภค-บริโภค เครื่องดื่ม ฯลฯ ที่วางจำหน่ายในร้านแล้ว

บริษัทมีแผนจะจับมือกับพันธมิตรเพื่อนำบริการอื่น ๆ เข้าไปเสริม เพื่อทำให้ร้านถูกดีฯมีบริการ ข่าวธุรกิจ ที่ครอบคลุมมากขึ้น เช่น การเปิดจัดรับ-ส่ง พัสดุภัณฑ์ ที่อยู่ระหว่างการคุยกัน และคาดว่าจะเริ่มทยอยเปิดให้บริการได้ภายในช่วงครึ่งปีแรกนี้ และปีนี้น่าจะเปิดบริการใหม่นี้ได้จำนวนหนึ่ง และนอกจากนี้ก็กำลังพิจารณาในเรื่องของการเปิดบริการเครื่องเอทีเอ็มด้วย โดยมีการหารือกับสถาบันการเงินบ้างแล้ว แต่บริการเครื่องเอทีเอ็มนี้ อาจจะเป็นโมเดลที่ไม่ต้องมีฟังก์ชั่นมาก เนื่องจากชาวบ้านตามชุมชนส่วนใหญ่จะทำธุรกรรมหรือเน้นเฉพาะเรื่องการถอนและฝากเงินเท่านั้นนายเสถียรยังกล่าวย้ำถึงรูปแบบการดำเนินธุรกิจระหว่างทีดี ตะวันแดง และร้านค้าหรือร้านโชห่วยผู้ดำเนินการ ร้านค้าว่า บริษัทจะเป็นผู้ลงทุนให้ในส่วนของสินค้าทุกชนิดและอุปกรณ์ทั้งหมดภายในร้าน ได้แก่ ชั้นวางสินค้า ตู้เย็น เครื่องคิดเงินอัตโนมัติ (POS) ป้ายสินค้า กล้องวงจรปิด ระบบที่ใช้ในการดำเนินการร้านค้า รวมมูลค่าเกือบ 1 ล้านบาท/ร้าน และผู้ดำเนินการ หรือเจ้าของร้านต้องลงทุนในเรื่องการปรับปรุงร้านค้าให้ได้ตามมาตรฐาน และเงินค้ำประกันสัญญา 2 แสนบาท ซึ่งรูปแบบธุรกิจนี้เกิดขึ้นมาจากการที่บริษัทต้องการที่จะแก้ปัญหาของร้านโชห่วยส่วนใหญ่ที่มีเงินทุนในการซื้อสินค้าจำกัด จึงได้เป็นผู้ออกทุนในส่วนนี้เอง ดังนั้น สินค้าและอุปกรณ์ในร้านค้า จึงเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท เมื่อขายสินค้าได้ ผู้ดำเนินการมีหน้าที่นำส่งรายได้จากการขายสินค้าให้บริษัทในวันทำการธนาคารถัดไป และในขณะที่เปิดดำเนินการร้านค้าร่วมกัน ผู้ดำเนินการยินยอมให้บริษัทส่งเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าไปนับสต๊อกสินค้า หากมีสินค้าสูญหาย ทางผู้ดำเนินการจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ และในกรณีที่ผู้ดำเนินการไม่นำส่งรายได้ บริษัทจะมีการทวงถาม และเมื่อยังไม่นำส่งรายได้ในส่วนที่ขายเข้ามาเกินกว่า 3 วัน บริษัทจะหยุดส่งสินค้า และหากเกินกว่า 4 วัน บริษัทจะส่งจดหมายแจ้งเตือนให้ชำระเงินภายใน 3 วันทำการ หากไม่มีการชำระเงินเข้ามา บริษัทจะยกเลิกสัญญาทันที และนัดหมายเพื่อทำการขนย้ายอุปกรณ์และสินค้าของบริษัททั้งหมดออกจากร้านค้า

แนะนำข่าวธุรกิจ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : “ไทยแอร์เอเชีย” เพิ่มบินตรงสู่ “ฮ่องกง” 4 เที่ยวต่อสัปดาห์ เริ่ม 16 ธ.ค.นี้

“ไทยแอร์เอเชีย” เพิ่มบินตรงสู่ “ฮ่องกง” 4 เที่ยวต่อสัปดาห์ เริ่ม 16 ธ.ค.นี้

“ไทยแอร์เอเชีย” บุกเพิ่มบินตรงจากกรุงเทพฯ สู่ “ฮ่องกง” เป็น 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เริ่มวันที่ 16 ธ.ค.2565 เป็นต้นไป รับมาตรการผ่อนคลาย พร้อมยกเลิกมาตรการ 0+3 เที่ยวได้ทุกที่ กินอาหารในร้านได้ ไม่ต้องใช้แอปติดตามตัว โปรโมชั่นตั๋วบิน เริ่มต้น 3,040 บาทต่อเที่ยว

“ไทยแอร์เอเชีย” เพิ่มบินตรงสู่ “ฮ่องกง”

ธุรกิจ ฮ่องกงพร้อมเเล้ว! “ไทยแอร์เอเชีย” รับกระเเส “ฮ่องกง” ประกาศผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิด-19 ยกเลิกใช้แอปพลิเคชันเพื่อเฝ้าระวัง พร้อมยกเลิกมาตรการกักตัว 0+3 ทำให้สามารถเที่ยวได้ทุกที่ รับประทานอาหารในร้านได้ตามปกติ เร่งเพิ่มเที่ยวบินตรง “ดอนเมือง-ฮ่องกง” เป็น 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ บินทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ เเละอาทิตย์ เริ่มทันทีตั้งเเต่ 16 ธันวาคม 2565 เป็นต้นไป พิเศษ โปรโมชั่นบินคุ้ม เส้นทางดอนเมือง-ฮ่องกง ราคาสมาชิก เริ่มต้นที่ 3,040 บาทต่อเที่ยว บุคคลทั่วไป 3,080 บาท สำรองที่นั่งได้แล้ววันนี้ที่ airasia Super Appนางสาวธันย์สิตา อัครฤทธิภิรมย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ไทยแอร์เอเชียพร้อมเต็มที่ในการเปิดให้บริการเส้นทางบินตรง กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) – ฮ่องกง โดยเพิ่มความถี่บินเป็น 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ทันที หลังฮ่องกงประกาศมาตรการผ่อนคลายการเดินทางเเละท่องเที่ยว เหลือเพียงการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ฟรีที่สนามบินขาเข้า หากมีผลเป็นลบ สามารถออกเที่ยวในฮ่องกงได้เลย “ฮ่องกงเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆ ข่าวธุรกิจ ของคนไทย ถึงตอนนี้เป็นโอกาสดีที่เราจะสามารถเที่ยวฮ่องกงได้โดยสะดวก ไม่มีข้อจำกัดเเละมาตรการควบคุมที่ยุ่งยาก โดยเฉพาะปลายปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสริมมงคลรับปีกระต่าย 2566 เป็นสวรรค์ของนักช้อปนักชิมที่พลาดไม่ได้ หรือจะเที่ยวเเบบครอบครัวที่ฮ่องกงดิสนีย์เเลนด์ เรียกว่าฮ่องกงมีครบทุกอย่าง เชื่อว่าจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับทุกคนเเน่นอน” นางสาวธันย์สิตา กล่าว

“บางกอกแอร์เวย์ส” เผย 9 เดือนแรกปีนี้ น้ำมันแพงฉุดขาดทุน 1,191 ล้าน ลดลง 54%

“บางกอกแอร์เวย์ส” (BA) เผยผลประกอบการไตรมาส 3/65 รายได้รวม 3,941 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 486% ขาดทุน 396 ล้าน ขาดทุนลดลง 94% ด้านผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก ยอดผู้โดยสารทะลุ 1.7 ล้านคน

ธุรกิจ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ผู้ให้บริการสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 3,941.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 486.3% เมื่อเทียบกับปี 2564 ในขณะที่มีผลขาดทุนสำหรับงวดอยู่ที่ 396.0 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 94.3% เทียบกับปี 2564 พร้อมเผยยอดการขนส่งผู้โดยสารจากผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรก ของปี 2565 จำนวน 1.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 528.1% จำนวนเที่ยวบิน 19,648 เที่ยวบิน หรือเพิ่มขึ้น 302.1% นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาคการท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมามีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการผ่อนปรนมาตรการสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศไทย ในไตรมาส 3 ปี 2565 บริษัทฯ ได้ปรับเพิ่มความถี่ของเที่ยวบิน และเปิดเส้นทางการบินใหม่ ส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 มีรายได้จากบัตรโดยสารจำนวน 2,677.3 ล้านบาท มียอดผู้โดยสารจำนวน 8 แสนคน และมีจำนวนเที่ยวบินรวม 8,831เที่ยวบิน และอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสาร 77.2%สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี บริษัทฯ มีรายได้รวม 8,121.8 ล้านบาท โดยมีรายได้จากบัตรโดยสาร 5,173.8 ล้านบาท จากจำนวนผู้โดยสารที่มาใช้บริการ โดยมีจำนวนผู้โดยสารรวม 1.7 ล้านคน ในขณะที่บริษัทมีค่าใช้จ่ายรวม 9,750.8 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และค่าซ่อมบำรุงรักษาเครื่องบินเป็นหลัก บริษัทฯ มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานเท่ากับ 1,191.4 ล้านบาท ขาดทุนลดลงจากปี 2564 จำนวน 1,396.1 ล้านบาท หรือ 54%

บางกอกแอร์เวย์ส เผย 9 เดือนแรกปีนี้ น้ำมันแพงฉุดขาดทุน 1,191 ล้าน ลดลง 54%

สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในไตรมาสที่ 3 บริษัทฯ ได้ระดมทุนผ่านการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินการบินกรุงเทพ (BA Airport Leasehold Real Estate Investment Trust: BAREIT)

โดยมี บริษัท กรุงเทพ รีทแมเนจเมนท์ จำกัด เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ และได้เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2565 ที่ผ่านมาในมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 14,300 ล้านบาท โดยบริษัทฯได้ลงทุนคิดเป็นสัดส่วน 25% ของทุนจดทะเบียน หรือ 2,582.5 ล้านบาท“สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ยังคงตอกย้ำความเป็น เอเชีย บูทีค แอร์ไลน์ เข้าใจถึงความต้องการของผู้ใช้บริการอย่างลึกซึ้ง ทั้งยังมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การเดินทาง การันตีจากรางวัลสายการบินระดับภูมิภาคที่ที่สุดในโลก และสายการบินระดับภูมิภาคที่ดีที่สุดในเอเชีย ประจำปี 2565 ซึ่งบริษัทฯ  ข่าวธุรกิจ ได้รับรางวัลติดต่อกันเป็นปีที่ 6″บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นที่จะขยายการให้บริการให้ครอบคลุมทุกเส้นทาง จึงได้ปรับเพิ่มจำนวนเที่ยวบินเพื่อให้สอดรับตามอุปสงค์การเดินทางของผู้โดยสารทุกท่าน อาทิ เส้นทาง กรุงเทพ – สมุย กรุงเทพ – เชียงใหม่ กรุงเทพ-พนมเปญ และสมุย – สิงคโปร์ และได้กลับมาให้บริการเส้นทางบิน กรุงเทพ- มัลดีฟส์ กรุงเทพ – เสียมเรียบ กรุงเทพ – ย่างกุ้ง และ กรุงเทพ- ดานัง ทั้งยังเปิดเส้นทางบินใหม่ กรุงเทพ – หาดใหญ่ และ สมุย – หาดใหญ่ ทั้งนี้ จากสถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทยที่เกื้อหนุน ทำให้บริษัทฯ ยังคงเล็งเห็นการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินไปในทิศทางเดียวกัน อย่างต่อเนื่อง”

แนะนำข่าวธุรกิจ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : “มาคาเลียส” คาด “ปีใหม่” ท่องเที่ยวไทยบูม! ภาคเหนือ-อีสาน ได้รับความนิยมสูง

“มาคาเลียส” คาด “ปีใหม่” ท่องเที่ยวไทยบูม! ภาคเหนือ-อีสาน ได้รับความนิยมสูง

“มาคาเลียส” คาดปีใหม่นี้ตลาดท่องเที่ยวในประเทศบูม

ธุรกิจ เผยคนไทยส่วนใหญ่ยังคงเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ พบยอดจองที่พัก 3 เดือนที่ผ่านโตกว่า 300% ชี้ภาคเหนือและอีสานได้รับความนิยมสูง ผู้ประกอบเตรียมพร้อมรับมือ ส่วนนักท่องเที่ยวต้องจองที่พักด้วยความรอบคอบกันสูญเงินฟรีนางสาวณีรนุช ไตรจักร์วนิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาคาเลียส ประเทศไทย จำกัด ผู้ให้บริการ “มาคาเลียส” (MAKALIUS) แหล่งรวมอี-วอเชอร์ ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว อันดับ 1 ของประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวทั่วโลกเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ หลายประเทศมีการเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านการเดินทาง ค่าที่พัก มีการปรับตัวสูงขึ้นเพื่อให้สอดรับกับดีมานด์ของตลาด ส่งผลให้คนไทยส่วนใหญ่ยังคงตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวในประเทศช่วงปีใหม่นี้สำหรับภาพรวมของตลาดท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงก็ยังคงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวไทยเช่นกัน จากการสำรวจยอดจองที่พักผ่านมาคาเลียส ในช่วงเดือน สิงหาคม-ตุลาคม 2565 พบว่า มีนักท่องเที่ยวชาวไทยจองที่พักสำหรับพักผ่อนช่วงปีใหม่สูงขึ้นกว่า 300% หรือกว่า 14,000 คน คิดเป็นรายได้กว่า 13 ล้านบาทภูมิภาคที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ภาคเหนือและอีสาน ได้แก่ เชียงใหม่ น่าน เพชรบูรณ์ และนครราชสีมา เป็นต้น ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ของนักท่องเที่ยวที่เลือกเที่ยวในประเทศเนื่องจาก ค่าใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงเวลาดังกล่าวค่อนข้างสูงขึ้น ประกอบกับการคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เดินทางท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก จึงเลือกเที่ยวในประเทศก่อน

“มาคาเลียส” คาด “ปีใหม่” ท่องเที่ยวไทยบูม! ภาคเหนือ-อีสาน ได้รับความนิยมสูง

ดังนั้น กลุ่มผู้ประกอบการจำเป็นต้องใช้ช่วงเวลาดังกล่าวในการสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว

ไม่ฉวยโอกาสปรับขึ้นราคา รวมถึงการรักษาระดับมาตรฐานของสุขอนามัยที่ละเลยไม่ได้เด็ดขาด ข่าวธุรกิจ นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญคือ การเพิ่มบริการที่จะช่วยสร้างประสบการณ์ (Experience) ด้านการท่องเที่ยวให้กับลูกค้า เช่น กิจกรรมเคาท์ดาวน์ การดูหนังกลางแปลง ดินเนอร์มื้อพิเศษ เป็นต้นสำหรับนักท่องเที่ยวเอง ต้องพิจารณาการเลือกจองที่พักหรือการสั่งซื้อวอเชอร์อย่างละเอียด เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว อาจมีกลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวมาในรูปแบบผู้ประกอบการท่องเที่ยว เปิดจำหน่ายที่พักหรือวอเชอร์ท่องเที่ยวในราคาถูกกว่าท้องตลาด แต่ไม่สามารถใช้งานได้จริงและอาจส่งผลเสียหายตามมาดังนั้นสิ่งที่นักท่องเที่ยวตระหนักก่อนการเลือกซื้อหรือจองที่พักคือ “ราคา” ต้องไม่ถูกหรือแพงจนเกินไป ต่อมาคือ “ตัวแทนจำหน่าย” (Travel Agency) ต้องมีความน่าเชื่อถือเป็นที่รู้จักและเปิดให้บริการมายาวนาน ซึ่งลูกค้าสามารถโทรสอบกับทางที่พักได้โดยตรงว่าบริษัทนั้น ๆ เป็นตัวแทนจำหน่ายวอเชอร์ที่พักให้กับทางโรงแรมหรือไม่ รวมถึงสามารถตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวผ่านทางเว็บไซต์ของกรมการท่องเที่ยวได้อีกด้วย

แนะนำข่าวธุรกิจ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : บริษัทญี่ปุ่นทยอยลดพึ่งพาจีน แนวคิด zero-China จะเป็นไปได้จริงหรือ