“เศรษฐกิจโลก” ยังไม่นิ่ง เป็นห่วงในช่วง “หาเสียง”

เศรษฐกิจโลก ยังไม่นิ่ง เป็นห่วงในช่วง หาเสียง

เมื่อวานนี้ผมเขียนถึงข่าวที่เกี่ยวกับยอดเงินหมุนเวียนหรือค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในช่วงเลือกตั้งทั่วไปของประเทศไทยครั้งหน้า

เศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประมาณการว่าจะสูงถึง 40,000-50,000 ล้านบาท นับเป็นผลดีประการหนึ่งของการเลือกตั้งครั้งนี้ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยด้วยการเพิ่มจีดีพีในไตรมาส 2 ซึ่งอยู่ในช่วงการเลือกตั้งได้ถึง 1-1.5 เปอร์เซ็นต์ ทำให้มั่นใจได้ว่าเมื่อถึงสิ้นปี 2566 เศรษฐกิจของประเทศไทยเราทั้งปีจะเจริญเติบโตได้ถึง 3-4 เปอร์เซ็นต์ ผมจึงถือโอกาสนำตัวเลขมาเผยแพร่และขอบคุณพรรคการเมืองและกิจกรรมการหาเสียงต่างๆที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้อย่างดียิ่ง แต่มานั่งคิดๆดูว่าในห้วงระยะเวลาอันยาวนานพอสมควร (ไม่ตํ่ากว่า 45 วันตามรัฐธรรมนูญ) ก่อนจะถึงวันเลือกตั้งนั้น รัฐบาลนี้ก็จะกลายเป็นรัฐบาลรักษาการที่อาจไม่มีเวลาทำงานได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากรัฐมนตรีต่างๆที่มาจากพรรคการเมืองท่านจะต้องปลีกตัวปลีกเวลาไปหาเสียงตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ถือเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการด้วยซํ้าตามระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งท่านนายกรัฐมนตรี “บิ๊กตู่” ด้วย เพราะในการเลือกตั้งคราวที่แล้วท่านยังไม่ลงการเมืองเต็มตัว แค่เสนอชื่อว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีโดยพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น แต่คราวนี้ท่านลงสู่สนามการเมืองเต็มตัวเป็นทั้งสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และก็คงจะมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในนามของพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างเป็นทางการในระหว่างการเลือกตั้ง ท่านก็คงจะต้องลงไปช่วยหาเสียงแล้ว หรืออาจจะต้องทำบ่อยๆถี่ๆ ด้วยซํ้า เพื่อให้สมาชิกพรรคได้รับการเลือกตั้งในจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะมากได้…หรืออย่างน้อยต้องไม่ตํ่ากว่า 25 คน เพื่อให้มีสิทธิในการเสนอชื่อท่านเป็นนายกรัฐมนตรีต่อรัฐสภา ก็อาจจะทำให้ความเข้มแข็งในการดูแลปัญหาเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดอย่างปัจจุบันทันด่วนในช่วงหาเสียงได้อย่างไม่เต็มที่ อย่างที่ทราบปัญหาเศรษฐกิจโลกจะหนักหนาสาหัสอย่างมากในต้นปีนี้ แม้ล่าสุด ไอเอ็มเอฟ จะปรับตัวเลขว่าดีขึ้นกว่าการคาดหมายเมื่อปลายปีที่แล้วเล็กน้อย แต่โดยรวมก็ยังต่ำกว่าปีที่แล้วทั้งปีอยู่ดี

เศรษฐกิจโลก ยังไม่นิ่ง เป็นห่วงในช่วง หาเสียง

ยังมีความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นได้ในหลายๆประเด็นทางเศรษฐกิจอยู่เสมอในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อต้นปีถึงกลางปี ดังนั้น เพื่อมิให้เป็นการประมาทหรือย่อหย่อนลง

ในระหว่างที่ฝ่ายการเมืองทำงบฯไม่ได้เต็มที่นักในช่วงเวลาหาเสียง…ผมก็ขอถือโอกาสนี้ฝากฝ่าย ข่าวเศรษฐศาสตร์ ข้าราชการประจำที่ดูแลด้านเศรษฐกิจไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น สภาพัฒน์, กระทรวงการคลัง, กระทรวงพาณิชย์ หรือ ธนาคารแห่งประเทศไทย แม้จะเป็นองค์กรอิสระ แต่ผมก็ถือเสมอว่าท่านเป็นส่วนหนึ่งของ ระบบราชการไทย เห็นอะไรมิชอบมาพากล หรือพบอะไรที่ผิดสังเกตด้านเศรษฐกิจในระดับโลก จะต้องแจ้งเตือนฝ่ายการเมืองให้รีบแก้ปัญหาโดยด่วน ขณะเดียวกันรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ 2 ท่าน คือ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ และท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อาคม เติมพิทยาไพสิฐ ซึ่งท่านแรกมาจากบริษัทของรัฐคือ ปตท. และท่านหลังเคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาพัฒน์ข้าราชการประจำร้อยเปอร์เซ็นต์แท้…นั้นยังไม่มีข่าวว่าจะลงสมัครในพรรคใดๆ ผมหวังว่าท่านคงไม่สมัครและไม่อยากให้ท่านสมัคร เพราะอยากจะให้ท่านทุ่มเทรับผิดชอบในการเฝ้าระวังเหตุฉุกเฉินทางเศรษฐกิจระดับโลก ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ในช่วงที่มีการเลือกตั้งอย่างที่ว่าไม่เกิดก็แล้วไป ถ้าเกิดจะได้ตัดสินใจได้ทันท่วงที…และมีน้ำหนักพอจะจูงใจทุกฝ่ายว่าเป็นการตัดสินใจด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจโดยแท้ผมเป็นคนขี้ห่วงขี้ระแวงครับ อดห่วงโน่นห่วงนี่ไปเรื่อยๆเสียมิได้…ก็ถือโอกาสฝากท่านรองนายกฯ สุพัฒนพงษ์ และท่านรัฐมนตรี อาคม ตลอดจนฝ่ายข้าราชการประจำทั้งที่เอ่ยถึงและมิได้เอ่ยถึงเอาไว้ด้วย ช่วยกันดูแลและเฝ้าระวัง “เศรษฐกิจไทย” ในช่วงเลือกตั้งให้ดีๆ นะครับ…เผื่อมีปัญหาเศรษฐกิจโลกที่จะมีผลกระทบกับเราอย่างกะทันหันเกิดขึ้น…จะได้แก้ไขและลงมือตั้งรับปัญหาได้อย่างทันท่วงทีว่างั้นเถอะ.

แนะนำข่าวเศรษฐศาสตร์ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : ววน.รวมพลังฝ่าวิกฤตฝุ่นพิษ PM 2.5 จับมือ ก.พ.ร.ลุยแก้ปัญหาระดับจังหวัด